นับวันราคาน้ำมันจะยิ่งแพงขึ้นเรื่อยๆ และมีปริมาณเหลือน้อยลงทุกปี ด้วยเหตุนี้ช่วงราวๆ ปีค.ศ.2000 บริษัทผลิตรถยนต์หลายแห่งจึงได้ทุ่มงบเพื่อพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของตัวเอง เพื่อแก้ปัญหาราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มจะพุ่งสูงขึ้นครับ
จนมาถึงวันนี้เราก็ได้ยลโฉมรถยนต์ไฟฟ้าจากหลายบริษัทเป็นที่เรียบร้อย แต่นอกเหนือจากจะช่วยประหยัดน้ำมันให้เราได้แล้ว รถยนต์ไฟฟ้ายังช่วยประหยัดค่าดูแลรักษาลงได้อีกด้วยครับ
ประหยัดค่าพลังงานอย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้นครับว่าน้ำมันมีราคาแพงขึ้นเรื่อยๆ การเปลี่ยนมาใช้รถยนต์พลังงานแทนน้ำมันจึงช่วยให้เราประหยัดได้มากขึ้น อีกทั้งอุปกรณ์ชาร์จแบตของรถยนต์ไฟฟ้ายังติดตั้งเองได้ที่บ้าน ช่วยประหยัดเวลาไม่ต้องขับรถไปปั๊มเพื่อเข้าคิวเติมน้ำมันที่ปั้มอีกด้วย
มีวิธีคำนวณความคุ้มค่า ของอาจารย์สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
สมมุติให้ราคาน้ำมันอยู่ที่ 40 บาท / ลิตร และรถยนต์กินน้ำมันเฉลี่ย 16 กิโลเมตร / ลิตร
เท่ากับว่าเราจะเสียค่าน้ำมัน 2.5 บาท / กิโลเมตร และถ้าเราใช้รถยนต์เดือนละ 2,000 กิโลเมตร ค่าน้ำมันที่เราต้องจ่ายจะตก 5,000 บาท
แต่ถ้าเราใช้รถยนต์ไฟฟ้าโดยการชาร์จไฟที่บ้าน ตอนนี้ค่าไฟปกติราคาแค่หน่วยละ 4.5888 บาทเท่านั้น และยังทำให้ถูกลงอีกในถ้าเปลี่ยนอัตราค่าไฟบ้านเป็นแบบ TOU (Time of Use Tariff = อัตราค่าไฟฟ้าตามช่วงเวลาของการใช้) แล้วชาร์ตหลัง 4 ทุ่มจะเหลือหน่วยละ 2.804 บาท ถูกสุดๆ เลยครับ
แล้วถ้ารถยนต์ไฟฟ้า EV กินไฟ 5 กิโลเมตร หน่วยไฟฟ้า ใน 1 กิโลเมตรเราเสียเงินแค่ 0.5608 บาทเท่านั้น และถ้าให้วิ่ง 2,000 กิโลเมตร เราจะเสียค่าไฟเพียง 1,121 บาท
สรุปได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้า EV จะช่วยประหยัดค่าน้ำมันให้เราเดือนละ 3,787 บาท หรือ ปีละ 46,540 บาท เลยครับ
ประหยัดค่าดูแลรักษาค่าเฉลี่ยที่เราต้องเสียไปกับการดูแลชิ้นส่วนต่างๆ ของรถยนต์น้ำมันจะตกปีละราว 5,000 - 10,000 บาท เนื่องจากรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์สันดาปมีชิ้นส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนเยอะมาก ทำให้เรามีชิ้นส่วนที่ต้องดูแลมากตามไปด้วย ตรงข้ามกับรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ที่มีชิ้นส่วนที่สำคัญต่อการขับเคลื่อนแค่ 3 องค์ประกอบเท่านั้นคือ แบตเตอรี่, ตัวแปลงไฟฟ้า และมอเตอร์ ด้วยชิ้นส่วนที่น้อยกว่าหลายเท่าเลยเป็นเหตุผลที่ช่วยให้เราประหยัดค่าดูแลรักษาได้มากกว่านั้นเองครับ
นอกเหนือจากเรื่องความประหยัด รถยนต์ไฟฟ้ายังมีข้อดีอื่นๆ อีกมากมายเลยครับ เช่น ช่วยลดมลภาวะ, ลดPM2.5, ลดโลกร้อน เนื่องจากไม่มีการปล่อยไอเสียออกมาจากตัวรถแม้แต่นิดเดียว และถ้าใครกำลังกังวลเรื่องราคาแบตเตอรี่ก็ไม่ต้องห่วงครับ เพราะแบตรถยนต์ไฟฟ้ามีราคาถูกลงทุกปี เชื่อว่าหากตัวรถยังคงได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ ในอนาคตราคาของแบตก็จะถูกลงตามกลไกของตลาดอย่างแน่นอนครับ สบายใจได้เลย
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์: nissan และ thansettakij